URIC
โลกแห่ง Lineage2 เรื่องราวของเด็กหนุ่มผู้มีนามว่า "อูริค" และเพื่อนพ่อง ที่ต่างคนต่างมีความฝันที่อยากจะกลายเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในโลก มาร่วมผจญภัยไปกับพวกเขา และเธอกันเถอะ (OBT)
ผู้เข้าชมรวม
242
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ
ณ ดินแดนที่มีนามว่า เอลมอร์อาเดน ซึ่งเป็นอาณาจักรใหญ่หนึ่งในสองอาณาจักรในโลกแห่งนี้ เอลมอร์เอเดน ถูกปกครองโดยกษัตริย์ของเหล่ามนุษย์ ผู้ที่เคยอ่อนแอในอดีตแต่บัดนี้กลับกลายมาเป็นผู้ครองโลก ภายใต้อาณาจักรอันใหญ่โตนี้ยังมีดินแดนแห่งหนึ่งที่แยกตัวออกมาจากแผ่นดินใหญ่เป็นเกาะเล็กๆซึ่งมีหมู่บ้านเล็กๆบนเกาะแห่งนี้ด้วย หมู่บ้านนั้นมีนามว่า "หมู่บ้านเกาะพูดได้" เหล่าผู้คนที่นี้ร่วนเป็นผลผลิตของท่านมหาเทพ "กรังคายน์" เทพแห่งความมืดมิด หรือ อีกนามหนึ่งที่เรารู้จัก เทพผู้ทำลาย ท่านคือมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ให้กำเนิดเผ่าพันธุ์มนุษย์ เมื่อครั้งยุคกำเนิดโลกใบนี้ในกาลเมื่อนาน นาน นาน มาแล้ว นานเกินกว่าที่เราจะรับรู้ได้ เมื่อก่อนนั้นเรายังอยู่ในทุกที่บนโลกใบนี้แต่ไม่ใช้ในนามผู้ครองพิภพเหมือนเช่นทุกวันนี้ แต่อยู่ในนานของทาสชั้นต่ำของเหล่ายักษ์ เผ่าพันธุ์ที่ครองโลกในยุคนั้น ด้วยความที่อ่อนแอ โง่เขลา สกปรก โสโครก และไรซึ่งใจจิตที่ดีงาม เพราะถูกสร้างขึ้นมาจากสิ่งที่ไม่สมบูรณ์ผสมปนเปรกันมา ด้วยลักษณะเหล่านี้เทพผู้ให้กำเนิดเผ่าพันธุ์มนุษย์ จึงรังเกียจสิ่งที่ตัวเองสร้าง แล้วละทิ้งไป ยิ่งทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ไร้ซึ่งระเบียบแบบแผนเพิ่มมากขึ้น สงครามในกลุ่มเกิดขึ้นทุกวีวัน จนทำให้เทพแห่งแสงสว่าง “ไอน์ฮัดซัด” ทนไม่ไหวจึงสร้างเกาะเล็กๆนี้ขึ้นมาเพื่อให้เผ่าพันธุ์นี้แยกตัวจากเผ่าพันธุ์อื่น ที่เหลืออยู่ในแผ่นดินใหญ่ก็มีเพียงพวกที่เป็นทาสเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรพวกมนุษย์ก็ยังคงบูชาเทพธิดา “ไอน์ฮัดซัด” เป็นเทพสูงสุดของตน
ครั้งเมื่อสิ้นสุดการปกครองของเผ่ายักษ์ จากสงครามครั้งใหญ่ของยักษ์และเทพ ทำให้โลกเสียหายเกือบทั้งหมด ชีวิตบนโลกศูนย์สิ้นมากมาย แล้วโลกก็ไร้ซึ่งผู้ปกครอง ด้วยเอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ดูแลงานการบริหารจัดการการปกครองให้แก่ยักษ์ในสมัยที่ยังครองโลก จึงทำให้เข้าใจหลักการปกครองอยู่บ้าง เผ่าเอลฟ์จึงตั้งตนเป็นใหญ่ขึ้นมาปกครองโลกต่อจากยักษ์ แต่มนุษย์ยังคงเป็นทาสเช่นเดิม ในกาลต่อมาไม่นาน เผ่าออร์ค เกิดแข็งข้อด้วยไม่อาจอยู่ใต้การปกครองของเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอกว่าตนได้ จึงก่อการปฏิวัติยึดการปกครองจากเผ่าเอลฟ์ ด้วยร่างกายที่แข็งแรงกว่า หลังจากสงครามที่เนินนานหลายร้อยปี ออร์ค ก็กลายมาเป็นผู้ครองแผ่นดินส่วนใหญ่ได้สำเร็จ มนุษย์ละไปอยู่ไหน พวกเขาโดนเพิกเฉยไม่สนใจถูกทิ้งให้อยู่ต่อไปตามยถากรรม แต่มนุษย์ส่วนใหญ่อาศัยอยู่บนเกาะสงครามมาไม่ถึงจึงทำให้มนุษย์ดำเนินวิวัฒนาการต่อไปอย่างเงียบๆ โดยไม่มีอะไรมาขัดขวาง
หลังจากสงครามเหมือนจะได้ผู้ชนะ แต่เหล่า เอลฟ์ หาได้ยอมพ่ายแพ้ไม่ พวก เอลฟ์ เร่งเดินทางหาพันธมิตรไปทั่วโลก ดวอร์ฟ คือเผ่าพันธุ์แรกที่ เอลฟ์ เข้าหาเพราะพวกเขาคือคลังแสงชั้นดี ดาบ เกราะ โล่ ชั้นเลิศล้วนเกินจากมือของพวกเขาทั้งสิ้น แต่ใครเล่าจะเข้าฝ่ายผู้แพ้ เอลฟ์ ถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดี จาก ดวอร์ฟ แต่นั้นยังไม่หมดหวังพวกเขาเดินทางไปยังสุดขอบโลกเพื่อขอความช่วยเหลือจากเหล่าภูต เผ่าแฟร์รี่ แต่ด้วยพวกเขารักซึ่งสันติไม่สนใจเรื่องสงคราม จึงถูกปฏิเสธมาเช่นเดิม เอลฟ์ เดินทางจากสุดของโลกมายังบ้านด้วยความสิ้นหวัง เพื่อนำข่าวร้ายมาบอกแก่เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ ในขณะที่ความสิ้นหวังกระจายไปทั่วทั้งทั้งเผ่าพันธุ์เอลฟ์นั้น แสงแห่งความหวังก็เกิดขึ้น กษัตริย์ของเหล่ามนุษย์ที่ถูกลืมก็ขอเข้าเฝ้ากษัตริย์แห่งเอลฟ์เพื่อแจ้งความประสงค์ในการช่วยทำสงครามเพื่อแลกกับเวทย์มนต์และความรู้ แม้ว่าไม่ได้ความเห็นชอบจากประชาชนของเอลฟ์ แต่ก็ยังได้รับการยอมรับข้อตกลงครั้งนี้จาก กษัตริย์แห่งเอลฟ์ แต่ด้วยร่างกายที่อ่อนแอ่ และความดอยสติปัญญาของเผ่า ทำให้มนุษย์ไม่สามารเรียนเวทย์มนต์จากเอลฟ์ได้เลย จนได้รับความช่วยเหลือจากกษัตริย์แห่งเอลฟ์ด้วยการเสียสละตัวเอง จึงทำให้พวกมนุษย์สามารถร่ำเรียนเวทย์มนต์ต่างๆได้ และรวดเร็วยิ่งขึ้นเป็นยิ่งนัก ภายในเวลาไม่นานมนุษย์ก็สามารถรับความรู้ทั้งหมดของเอลฟ์จบสิ้น
ความรู้ และเวทย์มนต์ของเอลฟ์ ร่างกายที่ผ่านการทำงานหนักเมื่อครั้งเป็นทาส กลยุทธ์สงครามที่สั่งสมมาจากการรบกันภายในเผ่า ทำให้มนุษย์ พร้อมในกาลสงครามแล้ว สงครามดำเนินไปหลังจากผ่านการรบได้ไม่นานด้วยจำนวนและความรู้ใหม่ เทพแห่งชัยชนะได้ย้ายข้างมาอยู่ฝั่งพันธมิตรอย่างเห็นได้ชัด เมื่อโลกรู้ตัวว่าใครคือผู้ที่จะกำชัยชนะในสงครามครั้งนี้ ดรอร์ฟ ได้เสนอเข้ามาช่วย มนุษย์ ในการทำสงคราม ด้วยการสนับสนุน ดาบ โล่ เกราะ และ คทาสำหรับนักเวทย์ ยุทโธปกรณ์ทุกชิ้นล้วนประณีต และมีคุณภาพทั้งสิ้น เหมือนติดปีกให้กับเสือ ในไม่ช้าแม้เวลาจะผ่านไปนานหลายร้อยปีชัยชนะก็เป็นของพันธมิตร เผ่าออร์ค ถูกบังคับให้ทำสัญญาสงบศึก จึงถูกเรียกขานว่า “สัญญาแห่งความอัปยศ” แล้วถูกขับไล่ไปอยู่ตอนเหนือของอาณาจักรจนหมดสิ้นจากแผ่นดิน
เมื่อสงครามสงบลงแต่สงครามครั้งนี้เอลฟ์หาได้มีส่วนในการทำสงครามไม่นอกจากความรู้ที่มอบให้เท่านั้น ความกลัวของพวกเอลฟ์ที่ว่ามนุษย์จะหักหลังตนก็ได้เกิดขึ้นจริง สงครามเวทย์มนต์เกิดขึ้นอย่างหนักกระจายไปทั่วโลก และยังคงทิ้งรองรอยไว้ให้เห็นจนทุกวันนี้คือ “Sea of spore” ทะเลสปอร์พิษที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้เกิดจากการดวนเวทย์ของเผ่าพันธุ์ทั้งสองสิ่งมีชีวิตใดที่สูดสปอร์พิษนี้เข้าไปจะเกิดความบ้าคลั่งและควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วไล่ฆ่าฟันทุกชีวิตที่เข้ามาใกล้ หลังสงครามครั้งนี้ดำเนินมาเนินนานหลายร้อยปีอีกเช่นเคย เอลฟ์ ก็ปราชัยให้กับ มนุษย์ อย่างหมดท่า จนต้องหนี้เข้าไปอยู่ในป่าลึกและอยู่นั้นเรื่อยมาจนป่าแห่งนั้นได้ชื่อว่า “ป่าเอลฟ์” จนถึงปัจจุบัน
ยุคหลังต่อจากนั้นคือยุคแห่งสงครามของเหล่ามวลมนุษยชาติที่รบลาฆ่าฟันกันเองเพื่อเพียงแค่แย่งชิงแผ่นดิน สงครามของมนุษย์ได้ดำเนินต่อมาเนินนานเช่นกัน โดยมีตระกูลใหญ่นามว่า “เอธีนา” เป็นผู้ปกครองทวีปส่วนใหญ่บนโลกได้ หัวหน้าของพวกเขาคือ “ชูไนมาน” กษัตริย์แห่งกษัตริย์ของเหล่ามนุษย์ และในกาลสงครามครั้งนี้นั้นก่อให้เกิดเหล่านักรบที่มีชื่อเสียงมากมายขึ้นบนโลก ด้วยเหตุนี้ความเชื่อของการเป็นนักรบก็กลายมาเป็นความใฝ่ฝันของเหล่าคนหนุ่ม สาว ทั้งหลายที่จะก้าวไปเป็นนักรบที่มีชื่อเสียง และมันจะนำมาซึ่งเงินทองมากมายแก่วงศ์ตระกูลของพวกเขา
ช่วงเวลาที่ผ่านมาในอดีตเหล่านั้นหาสำคัญไม่มันอาจเป็นเรื่องจริงหรือแค่เพียงเรื่องเล่าเราไม่อาจร่วงรู้ได้มากไปกว่าสิ่งที่พ่อ-แม่ คนเฒ่า-คนแก่ เล่าให้เราฟังเท่านั้น แต่นั้นมันไม่สำคัญเพราะเรื่องที่จะเล่าต่อจากนี้ต่างหากที่สำคัญเพราะเรารู้ และหมั่นใจว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงแท้แน่นอน และเรื่องนั้นที่จะเล่าให้ฟังต่อจากนี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเล็กๆบนเกาะแห่งนี้ที่ชื่อว่า “หมู่บ้านเกาะพูดได้” นั้นเอง
ผลงานอื่นๆ ของ ดาบไม้ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ดาบไม้
ความคิดเห็น